7 วิธีซักผ้านวมด้วยเครื่องซักผ้า ให้กลับมาสะอาด
ไม่ว่าอากาศจะหนาว ฝน ร้อนเราก็ควรหมั่นทำความสะอาดเครื่องนอน อย่างเช่น ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้านวม ของเราอยู่เสมอ เพราะถ้าผ้าห่มนั้นจะนุ่ม หอม สะอาด ไร้ฝุ่นเวลาห่มนอนก็ยิ่งเลิศเลย ว่าแล้วคงได้เวลาขนผ้าห่ม ผ้านวม เครื่องนอน มาทำความสะอาดครั้งใหญ่เสียที แต่เจ้าผ้านวมผืนใหญ่นี่ซิ จะซักทำความสะอาดอย่างไรให้ถูกวิธี วันนี้จะมาแนะนำวิธีทำความสะอาด ผ้านวม แบบไม่ต้องปาดเหงื่อมาฝาก
1. แยกการซักผ้านวมออกจากการซักผ้าทั่วไป
เนื่องจาก ผ้านวม มีขนาดใหญ่ ถ้าซักผ้านวมรวมกับเสื้อผ้าประเภทอื่นผ้าชิ้นเล็กๆ อาจเข้าไปม้วนปนอยู่ในผ้านวม ทำให้เสื้อผ้าที่ติดเข้าไปไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างทั่วถึง และเวลา
แยกเสื้อผ้าออกมายังลำบากอีกด้วย
2. ขจัดคราบเฉพาะจุด
ถ้าคุณต้องเผชิญปัญหาคราบสกปรกต่าง ๆ บนผ้านวม ที่ไม่ว่าจะเป็นคราบขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ก่อนซักทั้งผืน คุณควรรีบกำจัดคราบเหล่านี้ก่อนเป็นเรื่องแรก เพราะถ้าสะสมไว้เป็นระยะเวลานาน จะกลายเป็นคราบฝังแน่นที่ไม่หลุดออก และอาจจะติดผ้าไปอีกยาวนาน
3. ก่อนนำผ้านวมใส่ลงไปในเครื่องซักผ้าให้ม้วนผ้านวมให้มีขนาดเล็กลงก่อน
เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ภายในเครื่องซักผ้า และยังทำให้ผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้าเข้าถึงเนื้อผ้าได้ทั่วถึง
4. แนะนำให้ใช้เป็นน้ำยาซักผ้าแทนการใช้ผงซักฟอก
เพราะน้ำยาซักผ้าจะสามารถละลายได้ดีกว่าผงซักฟอก การซักผ้านวมควรเลือกใช้เป็นน้ำยาซักผ้าสูตรเข้มข้น และเป็นสูตรการขจัดคราบอย่างล้ำลึก เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อนของเนื้อผ้านวมภายใน ที่สำคัญคือน้ำยาซักผ้าจะมีคุณสมบัติเด่น สามารถละลายภายในน้ำได้ดี จึงเข้าไปขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง และเชื้อโรคต่าง ๆ ภายในผ้านวมได้อย่างล้ำลึก มากกว่าการใช้ผงซักฟอกเป็นหลายเท่า
5. เลือกใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาซักผ้านวม
เลือกใช้น้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสหรือน้ำร้อน สำหรับการแช่ผ้านวมก่อนการซักจริง ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที เพื่อเป็นการขจัดเชื้อโรค, เชื้อไวรัส, แบคทีเรีย และไร้ฝุ่นได้อย่างหมดจด
6. ถ้าต้องการถนอมเนื้อผ้าสามารถใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปได้ด้วย
เพราะจะทำให้กลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มติดทนนานหลายวัน เมื่อซักเสร็จแล้วให้สะบัดผ้าไม่ให้ผ้านวมยับ ไม่จับตัวกันเป็นก้อน
7. นำผ้านวมไปตากแดด แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค
สำหรับการตากหลังซักผ้านวมเสร็จแล้ว ให้นำมาสะบัดและคลายเนื้อผ้านวมบนราวตากผ้าให้เรียบร้อย นำออกตากกลางแดด 2-3 ชั่วโมง โดยให้เลือกแสงแดดที่ไม่ถึงกับแรงมาก เพื่อการฆ่าเชื้อได้ดีและไม่ทำให้เกิดกลิ่นไหม้



ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com