เลือกหมอนแบบไหนดี ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในการนอน
หมอน เป็นของคู่กายของทุกคนในครอบครัว ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้การพักผ่อนยาวนาน และหลับสบายในทุกๆ ค่ำคืนแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพ เช่น อาการปวดเมื่อยหลัง ปวดคอ ของทุกคนในครอบครัวได้ดีอีกด้วย เช่น หมอนสุขภาพ หมอนแก้ปวดคอ หมอนแก้ปวดหลัง แต่จะเลือก หมอนแบบไหนดี ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในการนอน และสรีระที่แตกต่างกันของคนในครอบครัว
หมอนแบบไหนดี วัสดุในการผลิตก็สำคัญ
วัสดุในการผลิต หมอน เป็นปัจจัยแรกที่ทุกบ้านต้องคำนึงถึง เพราะวัสดุที่แตกต่างกันย่อมส่งผลให้มีคุณสมบัติในการใช้งานที่แตกต่างกันครับ โดยวัสดุส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ในการผลิตแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1. วัสดุธรรมชาติ
เช่น ขนนุ่มละเอียดของสัตว์ปีก อย่างขนเป็ด ขนห่าน หรือเส้นใยธรรมชาติ ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติจะมีข้อดีคือ จะไม่ค่อยมีไรฝุ่น สามารถพับ หรือจัดรูปง่าย รักษาความเย็น และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าหมอนที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ แต่บางบ้านก็ไม่นิยมใช้เนื่องจากมีราคาสูง แถมมีกลิ่น และไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดังนั้นจึงต้องมองหาหมอนขนสัตว์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว โดยสังเกตที่ป้าย Allergy free หรือฉลากที่ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
2. วัสดุสังเคราะห์
เช่นโฟม เส้นใยสังเคราะห์ ยางพารา โพลีคลัสเตอร์ ข้อดีของ หมอนสุขภาพ ที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ คือจะรักษารูปทรงและคืนตัวโดยการพองอากาศ ราคาไม่แพง ดูแลรักษาง่ายเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ แต่จะมีอายุการใช้งานที่ไม่คงทนมากนัก
5 ประเภท หมอนแบบไหนดี ที่ควรมีข้างกาย
- หมอนขนห่าน
เป็นหมอนในกลุ่ม DOWN ALTERNATIVE ด้วยเทคโนโลยีและระบบนวัตกรรมสมัยใหม่ ทำให้สามารถนำเอาไฟเบอร์มาใช้ทดแทนวัสดุธรรมชาติอย่างขนห่าน หรือขนเป็ดในการผลิตหมอนได้ แต่คุณสมบัติยังคงให้สัมผัสที่นุ่มสบาย และผ่อนคลาย ทำให้ทุกอิริยาบถแห่งการพักผ่อนเทียบเท่าการนอนหมอนขนห่านอย่างแท้จริง อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ จึงเป็น หมอนสุขภาพ ที่สามารถตอบโจทย์ปัญหาคนที่เป็นภูมิแพ้ได้ดี แถมไม่มีกลิ่นรบกวนตลอดระยะเวลาการนอนหลับอีกด้วย
- หมอนชาร์โคล
เป็น หมอนสุขภาพ ที่ผลิตขึ้นจากวัสดุทางธรรมชาติ อย่างถ่านไม้ไผ่ ที่ผ่านการเผาไหม้ในอุณหภูมิมากกว่า 1000 องศา ทำให้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องกลิ่นอับชื้น เหมาะกับคนที่ขี้ร้อน และมีเหงื่อออกเยอะ เพราะหมอนชาร์โคล มีคุณสมบัติช่วยคลายความร้อนขณะนอนหลับ ช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย ช่วยดูดซับสารพิษ และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ดี
- หมอนโพลีเอสเตอร์
มีให้เลือกใช้หลายประเภทตั้งแต่โพลีเอสเตอร์แบบทั่วไป ซึ่งจะมีความฟู และความนิ่มที่พอเหมาะ แต่นิ่มไม่เท่าเส้นใยธรรมชาตินะครับ ส่วนระยะเวลาในการใช้งานจะสั้น หากมีการซัก 2-3 ครั้งความฟูของหมอนจะลดลง จนถึงแบนราบ และหมอนโพลีเอสเตอร์ชนิด Ball หรือหมอนใยบอล สามารถระบายอากาศได้ดี เพราะมีความยืดหยุ่นของตัวใยสูง และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าโพลีเอสเตอร์แบบทั่วไป หรือใยสาง ซึ่งหมอนที่ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์จะมีราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับบรรดาหมอนประเภทอื่นๆ เลยก็ว่าได้
- หมอนยางพารา
เป็นหมอนที่นิยมใช้ของหลายๆ บ้าน เนื่องจากมีความยืดหยุ่น และความหนาแน่นสูงมากกว่าหมอนทั่ว ๆ ไป แถมยังเป็น หมอนแก้ปวดคอ และ หมอนแก้ปวดหลัง ที่สามารถรองรับน้ำหนักตั้งแต่ ศีรษะ คอ หลัง ไหล่ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีการออกแบบให้โค้งรับกับลักษณะการนอนในแต่ละแบบที่แตกต่างกัน จึงทำให้ไม่รู้สึกปวดเมื่อยระหว่างการนอนหลับ บางรุ่นจะมีปุ่มรังไข่ เพื่อช่วยนวดศีรษะ ทำให้หลับสนิทง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
- หมอนเมมโมรี่โฟม
นับเป็นอีกหนึ่งวัสดุทางเลือกเพื่อใช้ทดแทนยางธรรมชาติ มีคุณสมบัติยืดหยุ่นได้ดี สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงไปตามอุณหภูมิ และแรงกดทับของศีรษะของแต่ละบุคคลภายในบ้าน เหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนพลิกตัวบ่อยๆ และชอบหมอนที่มีความแน่น หมอนเมมโมรี่โฟม เป็น หมอนสุขภาพ ที่แก้ปัญหาปวดเมื่อย ปวดคอ นอนกรน และผู้พักฟื้นหลังผ่าตัดได้ดี ทางการแพทย์จึงนิยมใช้หมอนประเภทนี้
แต่บางบ้านไม่นิยมใช้เนื่องจากการฟูคืนตัวกลับที่เดิมของหมอนค่อนข้างช้า ทำให้รู้สึกว่าหมอนเป็นหลุม หรือเป็นแอ่ง แถมหมอนที่ทำจากเมมโมรี่โฟมส่วนใหญ่ไม่มีรูระบายอากาศ ทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นระหว่างการใช้งาน และมีราคาที่สูง



ขอบคุณข้อมูลจาก homeguru.homepro